Adobe Authorware
Adobe Authorware เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนา CAI มันถือกำเนิดขึ้นจากห้องทดลองวิจัยและพัฒนาเพลโท (PLATO R&D labs) ที่บริษัท Control data ผู้ที่สร้างมันขึ้นมาคือ Michael W. Allen โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้มันเป็นเครื่องมือแก้ไขปัญหาในเรื่องของต้นทุนการใช้เงิน เวลา และทรัพยากรมนุษย์มากเกินความจำเป็น ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีความสามารถในการโต้ตอบกับผู้ใช้ เป็นการลดค่าใช้จ่าย เพื่อให้คนทั่วไปสามารถถ่ายทอดทักษะ ความรู้ความเข้าใจของพวกเขาจากซอฟต์แวร์ที่สร้าง ไปสู่บุคคลอื่นที่ปรารถนาที่จะเรียนรู้
ปัจจุบัน Authorware ถูกพัฒนามาถึงรุ่นที่ 7 ซึ่งมีคุณลักษณะเด่นดังนี้…
“สร้างสรรค์ทุกสิ่งทุกอย่าง จาก Web-based tutorials ไปจนถึง simulations อันซับซ้อน รวมเสียงเข้ากับวิดีโอด้วย Macromedia Authorware ซึ่งเป็นทางออกในการสร้างสรรค์สื่อสำหรับ eLearning ส่งผ่านแอพลิเคชันของท่านบนเว็บ เครือข่ายของหน่วยงาน หรือ CD-ROM ติดตามผลการเรียนของผู้เรียนได้ง่าย และให้ผลตอบแทนคุ้มค่าการลงทุน”
Authorware จัดเป็นเครื่องมือนิพนธ์ (Authoring tool) เครื่องมือนิพนธ์ หมายถึงโปรแกรมประยุกต์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างงานมัลติมีเดีย ในการใช้มัน คุณไม่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญในเรื่องศิลปะของการโปรแกรมแบบเก่า เครื่องมือนิพนธ์มักพึ่งพาอาศัยไอคอนหรือวัตถุ (objects) แทนฟังค์ชันหนึ่งๆ เช่น การแสดงข้อความและภาพ การเล่นเสียง หรือการสร้างการโต้ตอบ
Authorware เป็นโปรแกรมการพัฒนาที่ใช้ ไอคอนเป็นพื้นฐาน (icon-based) มันมีสมรรถภาพสูง ทำให้ทุกคน ทั้งครู นักเรียนนักศึกษา ศิลปิน ผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชา และโปรแกรมเมอร์สามารถพัฒนาผลงานมัลติมีเดียที่ซับซ้อนและยุ่งยากได้
การสร้างงานด้วย Authorware อาจพิจารณาออกเป็นขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้ (1) ลากไอคอนจากถาด (icon palette) ไปวางบนเส้นฟโล (flowline) (2) ตั้งชื่อไอคอน (3) กำหนดการทำงาน (set up) ของไอคอน (4) วางไอคอนเพิ่มลงไปบนเส้นฟโล
Authorware แตกต่างไปจากเครื่องมือพัฒนาอื่นๆ คุณไม่จำเป็นต้องรู้ลักษณะเฉพาะทั้งหมดของมันเพื่อเป็นผู้สร้างสรรค์งาน Authorware ที่มีความสามารถ (เพราะแทบไม่มีใครรู้ทั้งหมด) ด้วยความรู้แม้เพียงเล็กน้อย คุณก็สามารถสร้างการโต้ตอบที่จะท้าทายเกือบทุกๆภาษาคอมพิวเตอร์ที่จะโปรแกรมมันออกมา และในขณะที่คุณขัดเกลางานของคุณ คุณก็จะเรียนรู้มากขึ้นเรื่อยๆ ถึงสิ่งที่ Authorware สามารถทำให้คุณได้
อย่างไรก็ตาม อย่าเพียงแต่เรียนรู้ถึงคุณสมบัติความสามารถของ Authorware เท่านั้น คุณควรให้ความสนใจกับกระบวนการในการออกแบบ (process of design) ด้วย สร้างงานต้นแบบ (prototypes) เสียก่อน อย่าทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบ (อย่างที่คุณอยากจะทำ) ก่อนที่จะนำมันออกแสดงให้คนอื่นๆเห็น ถามถึงความคิดเห็น (feedback) เกี่ยวกับงานต้นแบบของคุณ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณกำลังอยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง ความคิดเห็นบางประการจะเป็นประโยชน์มาก คุณจะดีใจ ที่ไม่ได้ทำงานมากไปกว่านั้นในงานต้นแบบแรกของคุณ หากคุณเคยชินกับนิสัยในการสร้างต้นแบบ ผลที่คุณจะได้รับก็คือ การพัฒนาแอพพลิเคชันที่ประสพความสำเร็จและง่ายต่อการใช้งาน คุณจะประหยัดเวลาและเงินได้มากกว่าการออกแบบและวิธีการพัฒนาแบบเก่าอย่างที่คุณจะประหลาดใจ
มีหนังสือเกี่ยวกับ Authorware ถูกจัดพิมพ์ออกมาหลายเล่ม ท่านที่สนใจศึกษาการใช้งานสามารถหาอ่านได้ไม่ยาก สำหรับเว็บไซท์นี้ จะให้ข้อมูลเชิงอ้างอิง พยายามนำเสนอข้อมูลเพิ่มเติมในสิ่งที่ไม่มีในหนังสือ และเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนความรู้ผ่านทางforumเพื่อแสวงหาคำตอบให้แก่คำถามที่เราสงสัย
อนึ่ง แม้ว่า Authorware จะเป็นซอฟต์แวร์ที่มีผู้นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2550 ก็ได้เกิดข่าวใหญ่ เมื่อบริษัท Adobe ได้ ประกาศยุติการพัฒนา Authorware (Authorware end-of-development (EOD)) ยังผลกระทบต่อบริษัทใหญ่ๆ จำนวนมากทั่วโลก รวมถึงนักพัฒนามัลติมีเดีย มีการแนะนำให้นักพัฒนาเปลี่ยนมาใช้เครื่องมืออื่นๆ เช่น Acrobat Professional, Presenter, Connect, Captivate, Director, Dreamweaver, Flash และ Flex ฯลฯ ทั้งนี้ นักพัฒนาไม่ควรพึ่งพาเครื่องมือหรือซอฟแวร์ตัวใดตัวหนึ่งเพียงตัวเดียว การเลือกใช้เครื่องมือใดนั้น ย่อมขึ้นกับความต้องการในการออกแบบ และประสิทธิภาพของเครื่องมือนั้นๆ เอง
คุณสมบัติและความสามารถใหม่ๆ ของ Authorware 7.0
โปรแกรม Authorware รุ่นล่าสุดตัวนี้ถ้าดูผิวเผินก็เหมือนกับว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมความสามารถใหม่ๆ เข้าไปมากมายอย่างที่หลายๆ คนคาดหวังหรอกครับ (ชักจะเลียนแบบไมโครซอฟท์แฮะ) แต่พอพินิจพิเคราะห์อีกที ก็มีอยู่บ้างเหมือนกัน มาดูเลยครับว่ามีอะไรบ้าง
แต่งหน้า (User Interface) ใหม่โปรแกรมเวอร์ชันนี้พยายามเอาใจผู้ใช้ด้วยการพยามปรับปรุงส่วนติดต่อกับผู้ใช้ หรือ User Interface ให้ใช้งานง่ายเหมือนกับโปรแกรมทั่วไปที่ใช้บนวินโดวส์ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ซึ่งได้แก่
- ถาดเครื่องมือ (Icon Palette)ในมุมมองใหม่ สามารถเคลื่อนย้ายไป-มาได้ และในเวอร์ชันนี้แบ่งไอคอนออกเป็น 2 คอลัมน์ โดยได้เพิ่มไอคอนสำหรับใช้อิมพอร์ตภาพยนตร์จากดีวีดี และไอคอนสำหรับสร้าง Knowledge Object เข้ามาอีกด้วย
- หน้าต่างกำหนดคุณสมบัติของไอคอนมีขนาดใหญ่ขึ้น ตัวเลือกต่างๆ ถูกวางไว้ในหน้าเดียวกัน ดังรูปที่ 2 สะดวกต่อการค้นหากว่าเวอร์ชันก่อนๆ เพราะไม่ต้องคอยคลิ้กเลือกแท็บ อีกทั้งหน้าต่างดังกล่าวนี้ยังถูกกำหนดเป็นค่าตั้งต้นให้ปรากฏที่ด้านล่างของหน้าต่างออกแบบ โดยสามารถย่อให้เล็กลงได้ เพื่อไม่ให้เกะกะตอนออกแบบ แต่ก็สามารถเคลื่อนย้ายได้ถ้าต้องการ โดยเลื่อนตัวชี้เมาส์ไปที่มุมบนซ้ายของหน้าต่างจนลูกศรสีขาวเปลี่ยนเป็นลูกศรสีดำสี่ทิศ จากนั้นกดปุ่มซ้ายค้างไว้แล้วเลื่อนไปวางยังที่ต้องการ
- หน้าต่างควบคุม (Panel) อื่นๆ ถูกกำหนดให้ล็อกอยู่ที่ด้านขวาของจอภาพ เช่น หน้าต่างKnowledge Object, Function, Variable โดยเราสามารถเรียกหน้าต่างเหล่านี้ขึ้นมาพร้อมกันได้ โปรแกรมจะจัดเรียงไว้ที่ด้านขวาให้อย่างสวยงาม (เหมือนใน Photoshop)
เพิ่มไอคอนตัวใหม่ในเวอร์ชันนี้ทางMacromedia ได้เพิ่มความสามารถของโปรแกรมโดยเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างชิ้นงานดังนี้
- เพิ่มไอคอน DVD เพื่อให้สามารถเล่นหนังที่เป็นไฟล์ของ DVD ได้ โดยกำหนดคุณสมบัติต่างๆ ในหน้าต่างคุณสมบัติของไอคอน
- เพิ่มไอคอน KO สำหรับสร้าง Knowledge Object หรือ Model ไว้ใช้งานเอง โดยสามารถกำหนดคุณสมบัติต่างๆ ได้
- สามารถ Import และ Export เป็น XML ได้ โดยคลิ้กเลือกที่เมนูไฟล์ จากนั้นเลื่อนแถบแสงมาที่รายการ Import and Export แล้วคลิ้ก ที่รายการเลือก Export as XML
- สามารถ Import ไฟล์ที่สร้างจาก PowerPoint ได้ โดย Import เข้ามาในรูปของ XML แต่กรรมวิธีค่อนข้างยุ่งยาก และผลที่ได้ไม่สมกับที่คุยไว้ครับ
- แถบเครื่องมือกราฟิกแบบใหม่ เครื่องมือที่ใช้ในการสร้างภาพกราฟิก และตัวอักษรใน Display Icon ถูกออกแบบมาใหม่ให้ใช้งานง่ายกว่าเดิม โดยมีฟีเจอร์ให้คลิ้กเลือกลักษณะเพิ่มเติมได้เลย เช่น ลวดลาย สีพื้น หรือสีอักษร เป็นต้น ซึ่งแต่ก่อนนี้เครื่องมือเหล่านี้แยกกันอยู่
- สามารถแทรก JavaScript ได้ นอกจากนั้นยังสามารถกำหนดค่าเริ่มต้นของโปรแกรม(Preference) ของ Calculation Icon ให้แยกระหว่าง JaVaScript กับ Script ดั้งเดิมของโปรแกรมได้
- สามารถใช้ X player ใน Mac OS ของเครื่อง Macintosh ได้แล้ว
- หน้าต่าง Trace/Debug ของโปรแกรมเปลี่ยนไป โดยใช้ไอคอนที่สื่อความหมายมากขึ้น พร้อมทั้งสามารถย่อ-ขยายได้
- เพิ่มฟังก์ชันใหม่ โดยใน Authorware 7.0 นี้มีฟังก์ชันใหม่ๆ เกิดขึ้นหลายๆ ตัว โดยเฉพาะฟังก์ชันที่เกี่ยวกับ DVD และ JavaScript อาทิBuildDisplay, CMIShowErrors, DVDAction, DVDCaptions, DVDChapterNum, JSGarbageCollect และอื่นๆ อีกเพียบ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมหาดูได้จาก Help ครับ
- เพิ่มตัวแปรระบบใหม่ ตัวแปรระบบที่เพิ่มเข้ามาในเวอร์ชันนี้เป็นของ DVD ทั้งหมด
ความง่ายในการใช้งานการสร้างงานนำเสนอ หรือบทเรียนช่วยสอนใน Authorware เวอร์ชันนี้ทำได้สะดวกมากยิ่งขึ้นครับ ทั้งนี้เนื่องจากมีเครื่องมือใหม่ๆ เข้ามาช่วย และส่วนติดต่อกับผู้ใช้ หรือ User Interface ก็ได้รับการปรับปรุงให้สื่อความหมายได้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น ในที่นี้ผมจะขอยกตัวอย่างการใช้งานคุณสมบัติใหม่ล่าสุดที่มีใน Authorware รุ่นนี้นั่นคือการดึงไฟล์ (Import) ที่สร้างจากโปรแกรม Microsoft power point เข้ามาในAuthorware ซึ่งทำได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็วมากครับ มีขั้นตอนและวิธีการง่ายๆ ดังนี้
- หลังจากที่เราสร้างไฟล์นำเสนอ (presentation) ด้วยโปรแกรม PowerPoint เสร็จและบันทึกไว้เรียบร้อยแล้ว ต่อมาให้เปิดโปรแกรม Authorware 7 จากนั้นคลิ้กที่เมนู Commands เลื่อนแถบแสงไปที่ Converts แล้วคลิ้กที่เมนู Power point to Authorware XML
- จากรูปที่ 10 ให้คลิ้กที่รูปไอคอนเล็กในช่องทางด้านขวาเพื่อเลือกไฟล์ .PPT ที่เราต้องการ Import เข้ามา ซึ่งจะปรากฏหน้าต่างสำหรับเลือกไฟล์เหมือนทั่วๆ ไป และเมื่อ ค้นหาและคลิ้กเลือกไฟล์ที่ต้องการได้แล้วจะกลับมาที่หน้าต่างแปลงไฟล์เช่นเดิม ในหน้าต่างนี้จะมีปุ่มให้คลิ้กเลือกอยู่ทั้งหมด 4 ปุ่ม หากเราต้องการกำหนดตัวเลือกในการแปลงไฟล์ให้คลิ้กที่ปุ่มOption
- เมื่อกำหนดตัวเลือกต่างๆ ได้ตาม ต้องการแล้วให้คลิ้กที่ปุ่ม OK จะกลับมาที่หน้าต่างเริ่มต้นอีกครั้ง และหากต้องการกำหนด รูปแบบการเปลี่ยนชิ้นงานในช่วงนำเสนอให้ คลิ้กที่ปุ่ม Transition แล้วเลือกแบบของ transition ที่ต้องการจากนั้นคลิ้ก OK เพื่อกลับมาที่หน้าต่างเริ่มต้น แล้งให้คลิ้กปุ่ม Convert เพื่อแปลงไฟล์ไปเป็นไฟล์ในรูปแบบ XML ก่อน รอสักครู่เมื่อการแปลงไฟล์เสร็จจะมีหน้าต่างโปรแกรมเล็กแจ้งให้ทราบ ต่อมาเราสามารถนำไฟล์ที่แปลงเป็น .XML แล้วนี้เข้ามาเป็นชิ้นงานใน Authorware ได้โดยคลิ้กที่เมนู File เลื่อนแถบแสงมาที่ Import and Export คลิ้กที่เมนู Import XML…จากนั้นจะต้องเลือกไฟล์ .XML ที่เราแปลงไว้แล้ว
- ไฟล์ที่แปลงเป็น .XML แล้วนั้นจะเก็บอยู่ที่โฟลเดอร์ Exports หรือ โฟลเดอร์อื่นที่กำหนดในตัวเลือก และจะได้ไฟล์ที่มีชื่อเดียวกันกับไฟล์ Power point และเมื่อเลือกไฟล์และคลิ้ก OK แล้ว Authorware จะดึงไฟล์เข้ามาให้โดยอัตโนมัติ เมื่อสั่ง Run โปรแกรมก็จะได้ชิ้นงานที่ทำงานได้เช่นเดียวกันกับการทำงานในโปรแกรม Power Point